ไทย : ทันตแพทยศาสตรบัณฑิต
อังกฤษ : Doctor of Dental Surgery
หลักสูตรปรับปรุงตาม พ.ศ : 2558 ระยะเวลาในการศึกษา : 6 ปี
ไทย : หลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต
อังกฤษ : Doctor of Dental Surgery
แบบเต็ม(ไทย) : ทันตแพทยศาสตรบัณฑิต
แบบย่อ(ไทย) : ท.บ.
แบบเต็ม(อังกฤษ) : Doctor of Dental Surgery
แบบย่อ(อังกฤษ) : D.D.S.
1. เป็นหลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิตหลักสูตรแรกที่ผ่านการอนุมัติโดย สกอ. ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา แห่งชาติ (มคอ.)
2. เพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างวิชาในชั้นพรีคลินิกกับวิชาคลินิก
3. ลำดับการเรียนรู้จากง่ายไปยาก
4. มีการจัดการเรียนการสอนแบบ module ในบางรายวิชาเพื่อการเรียนที่ต่อเนื่อง และสมบูรณ์
5. เพิ่มวิชาพัฒนาความเป็นวิชาชีพทันตแพทย์เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาเข้าสู่วิชาชีพ
6. เพิ่มการบูรณาการความรู้ระหว่างสาขาวิชาโดยมีรายวิชาสัมมนาการวางแผนการรักษาอย่างบูรณาการในชั้นปีที่ 5 และ 6
7.เพิ่มวิชาเลือก 1 หน่วยกิตในหมวดวิชาชีพ เพื่อให้นักศึกษาได้เลือกเรียนกระบวนวิชาที่ตนเองสนใจเพิ่มมากขึ้น
คุณสมบัติตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าด้วยการศึกษาเพื่อปริญญาทันตแพทยศาสตรบัณฑิต พ.ศ.2548
1. สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า ในกรณีมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง สภามหาวิทยาลัยโดยข้อเสนอแนะของอธิการบดี อาจอนุมัติให้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย
2. เป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง โดยไม่เป็นโรคหรือภาวะอันเป็นอุปสรรคในการศึกษา และการประกอบวิชาชีพทันตกรรม
กำหนดให้นักศึกซึ่งตามสัญญาดังกล่าวมีสาระสำคัญพอสรุปได้ดังนี้นักศึกษาทันตแพทย์ทุกคน ต้องเป็นผู้สามารถทำสัญญาการเป็น นักศึกษา เพื่อศึกษาในหลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต
1. หลังจากสำเร็จการศึกษาแล้ว จะต้องเข้ารับราชการ หรือทำงานตามคำสั่งคณะกรรมการพิจารณาจัดสรร ทันตแพทย์ผู้ทำสัญญา การเข้า รับราชการไม่น้อยกว่า 3 ปีติดต่อกัน
2. หากไม่ยินยอมเข้ารับราชการหรือทำการภายในเวลาที่มหาวิทยาลัยกำหนด ตามคำสั่งดังกล่าวจะต้องชดใช้เงินให้แก่ มหาวิทยาลัยเป็นจำนวนเงิน 400,000.- บาท (สี่แสนบาทถ้วน)
3. กรณีที่เข้ารับราชการชดใช้ไปบ้างแต่ไม่ครบตามระยะเวลาที่กำหนด จำนวนเงินที่จะต้องชดใช้ตามความใน ข้อ 2 จะลดลงตามส่วนเฉลี่ยของระยะเวลาที่รับราชการไปบ้างแล้ว
4. หากสำเร็จการศึกษาแล้ว ไม่สามารถเข้ารับราชการ หรือทำงานได้ เพราะขาดคุณสมบัติตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 ต้องยินยอมชดใช้เงินให้แก่มหาวิทยาลัยเป็นจำนวนเงินตามข้อ 2 ภายใน 30 วัน นับแต่วันประพฤติผิดสัญญา
ต้องมีสุขภาพสมบูรณ์ และปราศจากโรค หรือความพิการที่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษา และการประกอบวิชาชีพทันตกรรม ดังนี้
1.1 มีความพิการทางร่างกายอันอาจเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพ
ทันตกรรม เช่น ตาบอด เป็นใบ้ หรือหูหนวกทั้งสองข้าง มีความพิการของนิ้วมือ มือแขน ขา จนเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาและทำงาน หรือภาวะพิการอื่นใด ซึ่งมิได้ระบุไว้ในระเบียบนี้ที่คณะกรรมการสอบคัดเลือกเห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
1.2 มีปัญหาทางจิตเวชขั้นรุนแรงอันอาจเป็นอันตรายต่อตนเอง และ/หรือผู้อื่น เช่น โรคจิต (Psychotic Disorders) กลุ่มอาการออทิสซึม (Autistic Spectrum) โรคอารมณ์ผิดปกติ (Mood Disorders) โรคประสาทรุนแรง (Severe Neurotic Disorders) โรคบุคลิกภาพผิดปกติ (Personality Disorders) โดยเฉพาะ Antisocial Personality Disorders หรือ Borderline Personality Disorders รวมถึงปัญหาทางจิตเวชอื่น ๆ อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพทันตกรรม
1.3 เป็นโรคติดต่อในระยะติดต่ออันตราย ที่อาจเกิดอันตรายต่อตนเอง ต่อผู้ป่วย หรือ ส่งผลให้เกิดความพิการอย่างถาวร อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพทันตกรรม
1.4 เป็นโรคไม่ติดต่อ หรือภาวะอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา ที่อาจเกิดอันตรายต่อตนเอง ต่อผู้ป่วย และการประกอบวิชาชีพทันตกรรม เช่น
- โรคลมชักที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ (โรคลมชักที่ไม่มีอาการชักมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี โดยมีการรับรองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ถือเป็นโรคลมชักที่ควบคุมได้)
- โรคหัวใจระดับรุนแรง จนเป็นอุปสรรคต่อการเรียนและการประกอบวิชาชีพ โรคภาวะความดันโลหิต ผิดปกติในระดับรุนแรงและมี ภาวะแทรกซ้อนจนทำให้เกิดพยาธิสภาพต่ออวัยวะอย่างถาวร
- ภาวะไตวายเรื้อรัง
- โรคติดสารเสพติดให้โทษ
- โรค หรือภาวะอื่น ๆ ที่คณะกรรมการสอบสัมภาษณ์ หรือกรรมการตรวจร่างกายเห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพทันตกรรม
1.5 มีความผิดปกติในการเห็นภาพ โดยมีอย่างน้อยข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
- ไม่มีภาวะตาบอดสีระดับรุนแรง หรือภาวะตาพร่องสีระดับรุนแรง โดยมีผลตรวจ FRANSWORTH D 15 hue test มีเส้นตัดขวางมากกว่าหรือเท่ากับ 10 เส้น ตามแนวทางการตรวจตาบอดสีของราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย (ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการองค์กรผู้บริหารคณะทันตแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (อ.บ.ท.ท.) ครั้งที่ 9/2559 วันที่ 9 ธันวาคม 2559)
- ระดับการมองเห็นในตาข้างดี แย่กว่า 6/12 หรือ 20/40
หมายเหตุ
1. ในกรณีที่ผู้เข้าศึกษาให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือจงใจปกปิดข้อมูล หรือแม้ปรากฏเป็นความเท็จขึ้นภายหลัง จะต้องถูกตัดสิทธิ์การเข้าศึกษา
2. การพิจารณาตัดสิทธิ์ผู้เข้าศึกษาด้วยเหตุผลคุณสมบัติด้านสุขภาพ ต้องดำเนินการโดยคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยกรรมการจำนวนไม่น้อยกว่า 5 คนและผ่านการพิจารณาจาก คณะกรรมการบริหารประจำคณะทันตแพทยศาสตร์ ผลการพิจารณาถือเป็นที่สิ้นสุด
3. ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกมีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์ ต้องได้รับการตรวจร่างกาย โดยหน่วยสร้างเสริมสุขภาพ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดังต่อไปนี้
(1) ตรวจร่างกาย
(2) การตรวจทางรังสีของทรวงอก (CXR)
(3) การตรวจตาบอดสี การวัดระดับการมองเห็น การมองเห็นภาพสามมิติ
(4) การตรวจการติดเชื้อและตรวจภูมิต้านทานไวรัสตับอักเสบชนิดบี
(5) การทดสอบทางจิตวิทยา (MMPI)
- เป็นทันตแพทย์ในโรงพยาบาลต่างๆ ของกระทรวงสาธารณสุข
- เป็นทันตแพทย์ในหน่วยงานของราชการ เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย ฯลฯ หรือรัฐวิสาหกิจต่างๆ
- เป็นทันตแพทย์ในโรงพยาบาลและคลินิกเอกชน
- เป็นอาจารย์ในคณะทันตแพทยศาสตร์
- ศึกษาต่อเพื่อเป็นทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ
- ศึกษาต่อระดับปริญญาโท หรือปริญญาเอก
เบอร์โทรศัพท์ : 0-5394-4420, 0-5394-4427
เบอร์ Fax : 0-5322-2844, 0-5394-4483