ไทย : แพทยศาสตรบัณฑิต
อังกฤษ : Doctor of Medicine
หลักสูตรปรับปรุงตาม พ.ศ : 2558 ระยะเวลาในการศึกษา : 6 ปี ใช้เวลาการศึกษาไม่เกิน 12 ปี
ไทย : หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต
อังกฤษ : Doctor of Medicine Program
แบบเต็ม(ไทย) : แพทยศาสตรบัณฑิต
แบบย่อ(ไทย) : พ.บ.
แบบเต็ม(อังกฤษ) : Doctor of Medicine
แบบย่อ(อังกฤษ) : M.D.
เป็นสาขาวิชาที่มุ่งหวังในการผลิตบัณฑิตแพทย์ให้มีความรู้ ความสามารถในการวินิจฉัยบำบัดรักษาและป้องกันโรคอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ร่วมกับการสร้างเสริมสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยคำนึงถึงความพร้อมทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ มีความสามารถคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ ใช้วิจารณญาณในการแก้ปัญหา มีความเป็นผู้นำ มีมนุษยสัมพันธ์ ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้ร่วมงาน เป็นผู้ใฝ่เรียนและใฝ่รู้ มีทักษะการทำวิจัย สามารถสืบค้นข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ศึกษาเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ตลอดจนเป็นผู้ยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพ มีความรับผิดชอบ มีคุณธรรม จริยธรรม สามารถครองตน ครองคนครองงานด้วยมโนธรรมและจิตสำนึกต่อสังคม
1. เป็นผู้ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
2. เป็นผู้ที่ไม่มีโรคติดต่อร้ายแรง โรคที่สังคมรังเกียจ หรือโรคสำคัญที่จะเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา
3. เป็นผู้ที่มีความประพฤติเรียบร้อย และรับรองต่อมหาวิทยาลัยได้ว่า จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเต็มความสามารถ และจะปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ ของมหาวิทยาลัยที่มีอยู่แล้ว หรือที่จะมีต่อไป โดยเคร่งครัดทุกประการ
4. ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยและต้องเป็นผู้ที่อยู่ในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฏหมาย
5. จะต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกลงโทษเนื่องจากการกระทำผิด หรือร่วมกระทำทุจริตในการสอบฯ เพื่อสมัครเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา
ผู้สมัครเข้าศึกษาในคณะ/สาขาวิชาต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะต้องมีคุณสมบัติเพิ่มเติมจากคุณสมบัติทั่วไป ดังต่อไปนี้
1. คุณสมบัติเฉพาะ
1.1 ต้องมีคุณสมบัติที่จะปฏิบัติงานในส่วนราชการหรือหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐได้ หลังจาก จบการศึกษาแล้ว โดยต้องสามารถทำสัญญาผูกพันฝ่ายเดียว หรือสัญญาปลายเปิดกับรัฐบาล ตามระเบียบและเงื่อนไขของรัฐบาลกับมหาวิทยาลัย
1.2 ต้องมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และปราศจากโรค อาการของโรค หรือความพิการอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ดังต่อไปนี้
1.2.1 ปัญหาทางจิตเวชขั้นรุนแรงอันอาจเป็นอันตรายต่อตนเอง และ/หรือผู้อื่น เช่น โรคจิต (psychotic disorders) โรคอารมณ์ผิดปกติ (mood disorders) บุคลิกภาพผิดปกติ (personality disorders) ชนิด antisocial personality disorders หรือ borderline personality disorders รวมถึงปัญหาทางจิตเวชอื่น ๆ อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
1.2.2 โรคติดต่อในระยะติดต่ออันตราย ที่อาจเกิดอันตรายต่อตนเอง ต่อผู้ป่วย หรือส่งผลให้เกิดความพิการอย่างถาวร อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
1.2.3 โรคไม่ติดต่อหรือภาวะอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา ที่อาจเกิดอันตรายต่อตนเอง ต่อผู้ป่วย และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
1.2.4 ความพิการทางร่างกายอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
1.2.5 ความผิดปกติในการได้ยินทั้งสองข้าง โดยมีระดับการได้ยินเฉลี่ยที่ความถี่ 500-2,000 เฮิรตซ์ สูงกว่า 40 เดซิเบล และความสามารถในการแยกแยะ คำพูด (speech discrimination score) น้อยกว่าร้อยละ 70 จากความผิดปกติ ของประสาทและเซลล์ประสาทการได้ยิน (sensorineural hearing loss) อันเป็น อุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
1.2.6 ความผิดปกติในการเห็นภาพ และคณะกรรมการแพทย์ผู้ตรวจร่างกายเห็นว่า เป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยมีระดับการมองเห็นในตาข้างที่ดี เมื่อแก้ไขด้วยแว่นสายตาแล้ว แย่กว่า 6/12 หรือ 20/40
1.2.7 โรคหรือความพิการอื่นๆ ซึ่งไม่ได้ระบุไว้ และคณะกรรมการแพทย์ผู้ตรวจร่างกาย และคณะกรรมการบริหารประจำคณะแพทยศาสตร์ เห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
หมายเหตุ
1. การพิจารณาตัดสิทธิ์ผู้เข้าศึกษาด้วยเหตุผลคุณสมบัติด้านสุขภาพ ต้องดำเนินการโดยคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยกรรมการจำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน และผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการบริหารประจำคณะแพทยศาสตร์ ผลการพิจารณาถือเป็นที่สิ้นสุด
2. ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกมีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์ ต้องได้รับการตรวจร่างกาย ตรวจเลือด และอื่นๆ โดยหน่วยสร้างเสริมสุขภาพ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดังต่อไปนี้
2.1 การตรวจร่างกาย
2.2 การตรวจทางรังสีของทรวงอก (CXR)
2.3 การวัดระดับการมองเห็น
2.4 การทดสอบทางจิตวิทยา (MMPI)
2.5 การตรวจการติดเชื้อและตรวจภูมิต้านทานไวรัสตับอักเสบชนิดบี
2.6 การตรวจภูมิต้านทานโรคสุกใส
1. ผู้สมัครเข้าศึกษาสาขาแพทยศาสตร์ จะต้องมีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง และปราศจากโรค อาการของโรคหรือความพิการอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การ ปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ดังต่อไปนี้
1.1 มีปัญหาทางจิตเวชขั้นรุนแรงอันอาจเป็นอันตรายต่อตนเอง และ/หรือผู้อื่น เช่น โรคจิต(Psychotic Disorders) กลุ่มอาการออทิสซึม (AutisticSpectrum) โรคอารมณ์ผิดปกติ (Mood Disorders) โรคประสาทรุนแรง(Severe Neurotic Disorders) โรคบุคลิกภาพผิดปกติ(Personality Disorders) โดยเฉพาะ Antisocial Personality Disorders หรือ Borderline Personality Disorders รวมถึงปัญหาทางจิตเวชอื่น ๆ อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
1.2 เป็นโรคติดต่อในระยะติดต่ออันตราย ที่อาจเกิดอันตรายต่อตนเอง ต่อผู้ป่วย หรือส่งผลให้เกิดความพิการอย่างถาวร อันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
1.3 เป็นโรคไม่ติดต่อหรือภาวะอันเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา ที่อาจเกิดอันตรายต่อตนเอง ต่อผู้ป่วย และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
1.4 มีความพิการทางร่างกายอันอาจเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
1.5 มีความผิดปกติในการเห็นภาพ โดยมีอย่างน้อยข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
1.5.1 ตาบอดทั้งสองข้าง
1.5.2 ระดับการมองเห็นในตาข้างที่ดี หลังจากได้รับการแก้ไขแล้ว แย่กว่า 6/12 หรือ 20/40
1.6 มีความผิดปกติในการได้ยิน โดยมีระดับการได้ยินของหูข้างที่ดีกว่าเฉลี่ยที่ความถี่ 500-2,000 เฮิรตซ์ สูงกว่า 40 เดซิเบล จากความผิดปกติของ ประสาทและเซลล์ประสาทการได้ยิน (sensory neural hearing loss)
1.7 โรคหรือความพิการอื่นๆ ทั้งที่ได้ระบุไว้ข้างต้นและไม่ได้ระบุไว้ที่คณะกรรมการแแพทย์ผู้ตรวจร่างกาย และคณะกรรมการบริหารประจำคณะ แพทยศาสตร์ เห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการศึกษา การปฏิบัติงาน และการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
หมายเหตุ.-
1. การพิจารณาตัดสิทธิ์ผู้เข้าศึกษาด้วยเหตุผลคุณสมบัติด้านสุขภาพ ต้องดำเนินการโดยคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยกรรมการจำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน และ ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการบริหารประจำคณะแพทยศาสตร์ ผลการพิจารณาถือเป็นที่สิ้นสุด
2.ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกมีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์ ต้องได้รับการตรวจร่างกาย ตรวจเลือดและอื่นๆ โดยหน่วยสร้างเสริมสุขภาพ โรงพยาบาลมหาราชนคร เชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดังต่อไปนี้
2.1 การตรวจร่างกาย
2.2 การตรวจทางรังสีของทรวงอก (CXR)
2.3 การวัดระดับการมองเห็น
2.4 การทดสอบทางจิตวิทยา (MMPI)
2.5 การตรวจการติดเชื้อและตรวจภูมิต้านทานไวรัสตับอักเสบชนิดบี
2.6 การตรวจภูมิต้านทานโรคสุกใส
1 .แพทย์ในระบบราชการ ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข คณะแพทยศาสตร์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และสถาบันการแพทย์ต่างๆ
2. แพทย์ในโรงพยาบาลหรือคลินิกเอกชน สถานประกอบการส่วนตัว
3. นักวิจัย หรือนักวิชาการ
เบอร์โทรศัพท์ : 053-935262, 053-935263
เบอร์ Fax : 053-936207